วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บันทึกประสบการณ์กรรม : ประสบการณ์ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ภาพจาก supakchaya1.blogspot.com

     การลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใครๆก็กลัวทั้งนั้น ยกเว้นคนที่ "ไม่เชื่อแบบสนิทใจ" และ "คนที่ไม่รู้" ที่จะกล้าทำอะไรแบบนี้  ผมเองเคยเป็นคนหนึ่งที่ "ไม่รู้" และได้เคยลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยรู้เท่าไม่ถึงกาล โดยความคึกคะนอง โดยไม่ได้ยั้งคิด และผลที่ตามมานั้นจะเป็นอย่างไร ลองมาฟังดูครับ

     ในอดีตที่ผ่านมาแล้ว เมื่อผมอายุประมาณ 13-14 ปี อยู่ชั้นมัธยมต้น ทางโรงเรียนได้จัดให้มีการทัศนศึกษานอกสถานที่ โดยให้นักเรียนที่สนใจเข้าร่วมได้ โดยมีค่าใช้จ่ายบางส่วน (ไม่ได้ไปทุกคน) ทางโรงเรียนได้จัดสถานที่ที่จะไปอยู่แถวภาคกลาง ,กรุงเทพฯ และภาคตะวันตก ซึ่งสถานที่ที่ไปนั้น หลายแห่ง เช่น ท้องฟ้าจำลอง, เมืองเก่าอยุธยา, พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง และวัดสำคัญๆต่างๆ เป็นต้น

     รถบัสออกเดินทางตอนเย็น ไปถึงจุดหมาย ภาคกลางในตอนเช้า และแวะตามสถานที่สำคัญๆต่างๆ และหนึ่งในนั้น เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง (ผมจำไม่ได้ว่าวัดอะไร เพราะนานมาแล้ว) แต่ที่ผมจำได้ชัดเจนเลยก็คือ วัดนั้น มีบ่อๆหนึ่งไว้สำหรับให้ผู้ที่มีจิตศรัทธาได้โยนเหรียญต่างๆ ใส่ให้ตรงกับที่ใส่เหรียญ หรือบาตร (ไม่แน่ใจ) ซึ่งบางคนก็โยนเข้าบ้าง โยนออกไปบ้าง เป็นธรรมดา (คล้ายๆในรูปครับ)

     และในบริเวณบ่อนั้น ได้มีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า "หมดทุกข์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย" ซึ่งผมกับเพื่อนๆ พอได้โยนเหรียญเสร็จแล้ว ก็เหลือบไปเห็นป้ายดังกล่าว  ผมเลยปากไว ปากบอน บอกกับเพื่อนไปว่า "หมดทุกข์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย และหมดสะตังค์ (คือโยนเหรียญหมด ก็หมดตังค์ไงครับ)" เพื่อนๆผมได้ยิน ก็หัวเราะชอบใจ  รวมทั้งตัวผมด้วย ก็สนุกสนาน เฮฮา ตามประสาเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไร  ไม่รู้บาป ไม่รู้กรรม  หารู้ไม่ว่า ได้ไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว !!

     เย็นวันเดียวกัน  คุณครูได้พาเด็กนักเรียนทั้งหมดไปพัก ที่ที่พักของราชการหรือของหลวง ที่ไหนสักแห่งผมจำไม่ได้ จำได้แต่ว่า เป็นห้องกว้าง เป็นห้องนอนรวม และทุกเตียงเป็นเตียงนอน 2 ชั้นทั้งหมด พอเข้าที่พักในเวลาประมาณ 18.00 น.ทุกคนก็แปรงฟัน อาบน้ำ กินข้าว ทำอะไรให้เรียบร้อย แล้วก็ไปนอนพักเตียงใครเตียงมัน ซึ่งผมนั้นนอนอยู่บนเตียงชั้น 2

     พอเวลาประมาณ 20.00 น. คุณครูก็บอกให้พวกเด็กๆเตรียมตัวนอนหลับพักผ่อน เก็บแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้ แต่มีเพื่อนผมคนหนึ่งบอกว่า เราไปเข้าห้องน้ำกันเถอะ  ในขณะนั้น เหมือนมีอะไรมาดลจิต ดลใจ ให้ผมไปตามคำชวนให้ได้  แม้ว่าจะไม่ได้ปวดฉี่ก็ตาม  ผมก็ตะโกนว่า "รอด้วย" และพยายามรีบลงจากเตียง 2 ชั้นให้เร็วที่สุด โดยทำเหมือนกับ พวกยิมนาสติก ที่เล่น บาคู่ เหวี่ยงตัวพยายามเอาเท้าไปเกี่ยวกับเตียงที่ติดกัน  แต่แล้ว... ไม่รู้ด้วยเหตุใด มือผมก็อ่อนแรงไปกระทันหัน ตัวทั้งตัวผม หล่นลงมาในสภาพขนานกับพื้น สูงถึง 2 เมตรกว่า(ความสูงเตียง) ในใจผมขณะนั้นคิดว่า เจ็บหนักแน่นอน เพราะไม่หัว ก็หลังจะต้องกระแทกพื้นแน่

     ขณะนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ผมรู้สึกตัวอีกทีผมอยู่ในท่านั่งเหยียดขายาว 2 ข้าง  มือทั้ง 2 ข้างแนบกับลำตัว และผมเอาหลังมือทั้ง 2 ข้างกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรง(การที่หล่นลงมาในท่านั้นแปลกมาก เพราะคนปกติจะใช้ฝ่ามือยันพื้นไว้ก่อน ตามสัญชาติญาณ เวลาตกจากที่สูง แต่ผมใช้หลังมือ) หลังจากได้ยินเสียง "ตุ๊บ" เพื่อนๆทั้งห้อง ก็ฮากันลั่น เต็มห้องเลยครับ จนรุ่นพี่หลายๆคนรีบเข้ามาดูเหตุการณ์

     ตอนแรกผมคิดว่าข้อมือทั้ง 2 ข้างของผม ต้องหักแล้วแน่ๆ มันชา มันปวด ขยับไม่ได้เลย ผมตกใจมากแต่ก็พยายามตั้งสติ และแข็งใจ รุ่นพี่หลายคนพยายามพยุงผมไปนอนที่เตียง (ชั้นล่าง แลกกับเพื่อน) ให้พยายามหายาหม่องมาทา และให้นอนพัก  ซึ่งตอนนี้รู้แล้วว่ากระดูกไม่ได้หัก แต่เริ่มปวด

     ผมนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น พอตื่นเช้ามา ผมพยายามทำท่าทีว่าไม่เป็นอะไร เพราะกลัวเพื่อนล้อ และหัวเราะ  มือผมยังหยิบจับอะไรได้ แต่ไม่ค่อยมีแรงจับ และที่สำคัญเอามือลงแนบลำตัวไม่ได้  ถ้าเอามือลงจะรู้สึกปวดมากๆ  แต่ถ้ายกมือขึ้น(ทั้ง 2 ข้าง) จะไม่ปวด  ผมต้องยกมือค้างไว้ทั้ง 2 ข้าง เป็นที่แปลกตากับคนทั่วไปนัก  ผมรู้สึกในภายหลังว่า "นี่เป็นการประจาน สำหรับคนทำผิดอะไรมาสักอย่าง" จะหยิบจับอะไรก็ลำบาก ทั้งกินข้าว เข้าห้องน้ำ ซื้อของฯ และต้องไปทำกิจกรรมอีก 2 วัน 1 คืน มันทรมานจริงๆ

     ตลอดเวลาที่ทัศนศึกษา ผมไม่เคยคิดเลยว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น เป็นผลจากการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาจจะเป็นเพราะความเป็นเด็ก และไม่มีความรู้ในเรื่องประเภทนี้

     หลังจากที่ผมกลับมาถึงบ้านได้ประมาณ 5-6 วัน ซึ่งแน่นอนว่า มือทั้ง 2 ข้างของผม ยังไม่หายดี ยังปวดและมีอาการเหมือนเดิม เพียงแต่รอให้หายเองตามเวลา 

     แต่แล้วในคืนหนึ่ง ผมก็ได้ฝันไปว่า...ผมได้กลับไปอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น วันที่ผมกับเพื่อนๆ ได้ไปโยนเหรียญในบ่อ และเหมือนจะมีเสียงที่ไม่ได้เปล่งออกมาเป็นคำพูด แต่ผมก็สามารถเข้าใจได้ว่า "นี่แหละ คือผลของการลบหลู่ ที่มือ แขนเป็นแบบนี้ ก็เพราะคำพูดที่ไม่คิด ไปพูดจาหลบหลู่ ท่านไม่ได้บังคับให้โยน ก็โยนเองนี่ มือไหนบ้างโยนเหรียญ โยนมาก ก็เจ็บมาก"  ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา.. แล้วก็พิจารณาในใจว่า ใช่แล้ว !! เพราะเราไปพูดจาแบบนั้น นั่นเอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงได้โกรธและลงโทษในสถานเบา ให้รู้จักหลาบจำ เพราะว่าการตกจากที่สูงขนาดนั้น น่าจะแขนหักไปแล้ว ซึ่งมือข้างขวา ผมใช้โยนเหรียญในวันนั้น จะเจ็บมากกว่า มือซ้ายที่ไม่ได้โยน ผมพึ่งมาสังเกตุเห็น !!

     ผมจึงก้มลงกราบกับที่นอนขณะนั้น พร้อมกับกล่าวคำขอขมาในใจว่า "ลูกสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยกโทษให้ด้วยเถิด" หลังจากนั้นมาเหตุการณ์ก็ปกติดี และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงผมมาตลอดคือ ผมไม่กล้าทำอะไรแผลงๆ แปลกๆ โดยไม่ดูกาละเทศะอีกต่อไป และเชื่ออย่างสนิทใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามสถานที่ต่างๆนั้น มีจริงแน่นอนครับ.