![]() |
เปรด เป็นหนึ่งในอบายภูมิ |
ผมเคยได้ยินทีวี โทรทัศน์ หนังสือ นิยาย กล่าวถึงเรื่องเปรต ที่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับความโลภ โดยเฉพาะ การลักขโมยของสงฆ์ ของวัด โดยจะรู้หรือไม่รู้เท่าถึงกาลก็แล้วแต่ พอตายไปแล้วก็จะกลายเป็นเปรต หรือแม้แต่พวกที่ด่าทอพ่อแม่ ทุบตีพ่อแม่ ตายไปแล้วก็จะเป็นเปรต ตัวสูง มีมือเท่าใบพาย และอีกหลายๆเปรต ซึ่งล้วนทำบาปมาแล้วในตอนทีชีวิต
และในเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเปรต มักจะมีคนพบเจออยู่เสมอ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีญาณวิเศษหรือไม่ แต่ถ้าวันและเวลามาบรรจบโดยบังเอิญ ก็จะสามารถพบเห็นได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนรู้จัก หรือญาติพี่น้อง ของผู้ที่เป็นเปรต ที่จะได้พบเจอ เพราะเปรตนั้นส่วนใหญ่แล้วดำรงชีพด้วยการขอส่วนบุญของผู้อื่นโดยเฉพาะจากญาติพี่น้องของตน และนั่นก็คือสิ่งที่อยากจะพูดคุยกันในวันนี้
ผมขอสมมติ(ไม่ใช่เรื่องจริง) ว่า หากมีคนมาบอกว่า "พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือ ญาติ " ของคุณเป็น เปรต !! หรือเห็นเปรตหน้าตาเหมือนกับคนในครอบครัวของเราที่ได้เสียชีวิตไป หรืออาจจะฝันไปเจอ หรือเจอจังๆก็แล้วแต่ แล้วเค้าหวังดี จึงมาบอกคุณ คุณจะ ....?
1. ไม่เชื่อ !! และด่าว่าคนที่มาบอกทันที เพราะมากล่าวหาญาติฉัน ได้ยังไง ? (โกรธมาก)
2. ไม่เชื่อ !! แต่ก็เฉยๆ คิดว่าคนมาบอกเพี๊ยน บ้ารึเปล่าว่ะ (โกรธนิดๆแต่ไม่แสดงออก)
3. เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง แต่ค่อนข้างไปที่ไม่เชื่อมากกว่า
4. เชื่อ และพยายามเสาะหาพระ ,ครูบาอาจารย์ที่มีคุณวิเศษช่วยเหลือ
5. ยังไม่เชื่อ แต่พยายามเสาะหาพระ, ครูบาอาจารย์ที่มีคุณวิเศษช่วยเหลือ
>> แต่ผมขอตอบได้เลยครับว่า หากคุณเป็นปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป 90% จะเป็นไปตามของ 1 ครับ
แม้ว่าจะมีหลายเรื่องราวที่ได้จดบันทึกไว้ว่า แม้แต่พระสงฆ์ที่ท่านทรงวิทยาคุณ ไปบอกญาติโยม เพราะความหวังดี ยังถูกต่อว่ากลับมานักต่อนักแล้ว นับภาษาอะไร กับคนทั่วไป
แต่ท่านลองมาวิเคราะห์ให้ดีๆก่อนที่จะเชื่อ หรือไม่เชื่อ โกรธหรือไม่โกรธกันดีกว่า...
1.คนเราทุกคนมีโอกาศที่จะทำผิดพลาดได้ โดยที่รู้เท่าไม่ถึงกาล แม้ไม่เจตนาแต่ กรรมก็คือกรรมที่ได้ทำไปแล้วในขณะที่มีชีวิต บางคนทำชั่วชัดเจนแต่ญาติพี่น้องยังพยายามเข้าข้างแม้เขาจะตายไปแล้วก็ยังเข้าข้างอยู่ เพราะไอ่คำว่าญาติกู พ่อกู แม่กู พี่น้องกู มันมาบดบังความจริงไปซะหมด ซึ่งกรณีหลังนี้หากมีคนพบเห็นว่าเป็นเปรต ก็มีน้ำหนักมากขึ้น แต่ก็อย่างว่า สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น จะให้เชื่อเลยนั้นย่อมเป็นไปได้ยาก
2.คนที่มาบอกว่าญาติเราเป็นเปรต เค้าต้องรู้อยู่แล้วล่ะว่า เราต้องโกรธเค้าแน่ๆ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย แต่ที่เค้ามาบอกเรานั้น ถือว่าเค้าหวังดีกับเรา กับญาติพี่น้องเราครับ จะจริงหรือไม่จริงมันอีกเรื่องหนึ่ง
3.การที่เราเชื่อหรือไม่ ? อาจจะไม่สำคัญ ยังไงการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ย่อมดีอยู่แล้ว เพราะถ้าญาติพี่น้องเราพลาดพลั้งตายไป เกิดเป็นเปรต เราก็ควรเร่งทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้อย่างดี อย่างมาก อย่างเยอะๆ แต่ถ้าหากญาติเราไม่ได้เป็นเปรตอย่างที่เค้าบอกมา การที่เราทำบุญ ผลบุญนั้นก็จะส่งให้ถึงญาติเราไม่ว่าจะอยู่ในภพภูมิไหนก็ตาม และผลบุญนั้นก็จะกลับคืนมาสู่ตัวเราเองอีกด้วย การทำบุญไม่ว่าแบบไหน ย่อมดีเสมอ.
4.ถ้าท่านอยากทราบจริงๆว่าญาติของท่าน ตายไปแล้วตกสู่อบายภูมิ เปรตภูมิหรือไม่ ? ท่านคงต้องไปถามผู้ที่มีคุณวิเศษ หรือพระสงฆ์ผู้มีคุณวิเศษแล้วละครับ คนธรรมดาคงไม่มีใครทราบได้ แต่ถ้าลองนึกดูดีๆ แม้ท่านจะทราบชัดเจนว่าญาติพี่น้องท่านเป็นเปรตจริง ท่านก็จะต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้อยู่ดี ดังนั้นแม้ไม่ทราบแน่ชัด เราก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เลยก็ได้โดยไม่ต้องรอให้ทราบ โดยที่เราสามารถปรึกษาพระสงฆ์ได้ครับว่าเราควรจะทำบุญอย่างไรดี ในกรณีนี้
ทั้งหมดทั้ง 4 ข้อที่ผ่านมา คือบทวิเคราะห์... ด้วยเหตุและผล แต่ถ้าท่านเป็นคนๆหนึ่งที่เจอเหตุการณ์นี้แล้วเลือกข้อ 1 (ในด้านบน) เราลองมาวิเคราะห์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในกรณีนี้..
"ไม่เชื่อ !! และด่าว่าคนที่มาบอกทันที เพราะมากล่าวหาญาติฉัน ได้ยังไง ? (โกรธมาก)"
สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ..
1.คุณโกรธคนที่มาบอกเรา
2.เพราะคุณไม่เชื่อเด็ดขาด คุณจึงไม่ได้ดำเนินการใดๆ เช่น ทำบุญ ดังนั้นอันดับแรก คุณไม่ได้บุญ
3.ถ้าญาติของคุณเป็นเปรตจริงๆตามที่เค้าบอกมา ญาติของคุณก็ยังคงต้องทุกข์ทรมานต่อไปในภพภูมิของเปรต เพราะไม่ได้รับส่วนบุญใดๆ จากคุณ
4.ถ้าญาติของคุณไม่ใช่เปรต แต่ไปเกิดในภพภูมิอื่นๆ ก็จะไม่ได้รับส่วนบุญใดๆ
สรุป สุดท้ายว่า การทีมีคนเห็นเปรตนั้นเป็นเรื่องผิดปกติ แต่จะจริงหรือไม่นั้น อาจจะไม่สำคัญ แต่จงคิดเสมอว่า การที่มีคนมาพูดแบบนี้กับเรา ให้เราถือว่าเค้ามาเตือนเราให้เร่งทำบุญให้กับตัวเราเองและยังได้เผื่อแผ่ให้กับญาติพี่น้องของเราที่ได้ล่วงลับไปแล้วอีกด้วย หากเราคิดได้แบบนี้เราจะได้ประโยชน์ครับ