วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

ยังจำกันได้ไหม ? หลวงพ่อฤษีลิงดำเคยพูดถึง "หลุมดำ" ในอวกาศว่าอย่างไร ?

หลวงพ่อฤษีลิงดำเล่าเรื่องดวงดาวและหลุมดำ

ท่านสามารถหาอ่านได้ที่เว็บวัดท่าซุงครับ ตาม link นี้



     นานมาแล้ว ในปี พ.ศ. 2530  หลวงพ่อฤษีลิงดำเคยเขียนและพูดเกี่ยวกับดาวดาวต่างๆในอวกาศ ที่ทางนักวิทยาศาสตร์ในต่างประเทศเค้าสนใจกันนัก ในรูปแบบของนิทานธรรมะ จะจริงก็ไม่แน่ จะเท็จก็ไม่เชิง เพราะท่านบอกว่าเป็นนิทาน จึงอยู่ในใครจะเชื่อในระดับใดมากกว่า.


     วันนี้ผมนึกขึ้นได้ว่านานมาแล้ว ได้เคยอ่านมา 1 รอบ ในเรื่องของดาวหลุมดำของหลวงพ่อฤษีลิงดำหรือหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโรมหาเถระ) รู้สึกตื่นตา ตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะผมเป็นคนที่สนใจในเรื่องของดวงดาวต่างๆอยู่แล้ว และคิดอยู่เสมอว่าหากวิทยาศาสตร์ยังไม่ก้าวหน้าพอที่จะส่งอะไรสักอย่างไปสำรวจสิ่งเหล่านั้น เช่น หลุมดำ ที่อยู่ห่างไกลแสนไกล คงมีแต่เพียง "จิต" เท่านั้นที่เดินทางได้ไวกว่าแสง และ(นิทาน)หลวงพ่อฯก็ได้ถอดจิตไปสำรวจ แล้วจึงเมตตากลับมาเล่า(นิทาน)ให้พวกเราได้ฟัง  สิ่งที่ได้นอกเหนือจากความสนุกของนิทาน ก็คือ "ธรรมะ" นั่นเอง

    ในหนังสือชุดนี้ มีหลายดวงดาวที่จุไร ได้ท่องเที่ยว แต่ที่ผมสนใจที่สุดคือดาว "หลุมดำ" ในทางวิทยาศาสตร์นั้น หลุมดำเกิดจากการระเบิดของดวงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่มากๆ เพราะมวลที่มหาศาล ทำให้เกิดมีแรงดึงดูดมหาศาลเข้าสู่ศูนย์กลาง กลายเป็นหลุมดำ ที่ดูดทุกสิ่งแม้แต่แสงก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้ และสิ่งใดที่โดนดูดเข้าไปก็จะไม่กลับมาอีกเลย(หรือไปโผล่ที่ไหนก็ไม่ทราบ)

     แต่ดาวหลุมดำในนิทานของหลวงพ่อฯนั้น คือ ดาวดวงหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มากๆๆๆ แต่ไม่ได้มีทรงกลม  มันเหมือนดาวที่เคยเป็นทรงกลมมาก่อน แต่ตอนนี้เหลือเพียงบางส่วน ซึ่งหลวงพ่ออธิบายประมาณว่า เหมือนผลส้ม ที่ตัดครึ่ง อีกครีงยังอยู่ อีกครึ่งหายไป และในครึ่งที่ยังอยู่นั้น เราก็เอาเนื้อส้มออกซะ ให้เหลือแต่เปลือกส้มเท่านั้น มันก็จะมีเหมือนแอ่งในนั้น และในแอ่งนั้นเอง ก็มีดวงดาวต่างๆ หมุนเวียนกันเข้าไป แล้วก็ออกมา แต่เนื่องจากเปลือกส้มครึ่งผลนั้น ใหญ่มากกกๆๆๆ เมื่อดวงดาวต่างๆเข้าไปแล้ว ก็ต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ ในการออกมา ถ้านานมากๆก็อาจจะเป็น 100 ปีก็เป็นได้

     และดาวหลุมดำนี้เอง เป็นที่อาศัยของมนุษย์อีกดวงดาวหนึ่ง ชื่อว่า "ชินโลก" ที่มีวิทยาการล้ำหน้าอย่างยิ่ง สามารถสร้าง ยาน ที่มนุษย์ในโลกของเรา เรียกว่า "จานบิน" ขับเคลื่อนโดยแร่บางชนิด ที่ในนิทานกล่าวว่า แร่ชนิดนี้น่าจะเป็นแร่กัมมันตรังสีชนิดหนึ่ง ที่เมื่อหมดสภาพแล้วจะกลายเป็นเพชร ซึ่งด้วยพาหนะดังกล่าว ทำให้มนุษย์ในโลกนั้น สามารถเดินทางไปในอวกาศได้ในระยะทางไกลๆ ด้วยเวลาไม่มากนัก

    แต่ที่สำคัญที่สุด คือ มนุษย์ที่ชินโลก นั้น มีอายุยืนถึง 12,000 ปี และจะไม่ตายก่อนอายุขัยเสียด้วย อาจจะเป็นเพราะโลกนั้น เค้ามีคุณธรรมเด่น 2 ประการ คือ  เจริญพรหมวิหาร 4 และ กรรมบถ 10 อยู่เสมอ และถือเป็นกฏหมายสูงสุดของมนุษย์ในโลกนั้น  สาเหตุก็เพราะในชินโลก มีพุทธศาสนาและมีพระโมคคัลลานะ มาแสดงธรรมให้ฟังอยู่เสมอๆ ถึงแม้ในโลกของเรา(earth) ท่านจะนิพพานไปแล้วก็ตาม

    เอาเป็นว่าเรื่องราวจะน่าสนใจแค่ไหน ลองเข้าไปอ่านดูครับ เราศึกษาดาราศาสตร์ตามวิทยาศาสตร์มาพอสมควรแล้ว ลองศึกษาดาราศาสตร์จากนิทานธรรมะ ของหลวงพ่อฤษีลิงดำดูบ้าง ว่าจะมีความเหมือน-ความแตกต่างอย่างไร ? เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบมาแล้วถึง 2,500 ปี นักวิทยาศาสตร์พึ่งมาค้นพบว่าจริงก็มีมากมาย !

    หากใครได้ศึกษาถึงวิทยาศาสตร์ควอนตัม, ทฤษฏีสัมพันธภาพ ฯลฯ จะเห็นว่าแนวโน้มของวิทยาศาสตร์จะเริ่มพบทางตันหากยังศึกษาแต่ในรูปธรรม ดังนั้นวิทยาศาสตร์แนวใหม่ มักจะกล่าวถึง นามธรรม มากขึ้นเรื่อยๆ  หากท่านนึกไม่ออก ลองนึกถึงไอสไตน์ ที่ค้นพบว่า มิติที่ 4 คือ มิติของเวลา เป็นปัจจัยสำคัญของคำตอบหลายๆเรื่อง  ซึ่งเรื่องของเวลานี่แหละครับ คือ นามธรรม

2 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ21 ตุลาคม 2561 เวลา 08:03

    ผมเคยอ่านเหมือนกัน ดูเหมือนจะเริ่มใกล้เคียงกับที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบไปทุกที ว่าสสารที่เคยเข้าใจว่าสูญหายเมื่อเข้าไปสู่หลุมดำแต่กฎของควอนตัมทำให้เห็นว่าหลุมดำไม่สูญหาย และที่สำคัญพบว่าหลุมดำมีอุณหภูมิ
    https://bbc.in/2pZxm5E

    ตอบลบ